เอเอฟพีรายงานว่า ยูโรโพลร่วมมือกับสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล) บริษัทเอกชนหลายแห่ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจในอีก 25 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย อินเดีย และสิงคโปร์ เข้ายึดเครื่องเซิร์ฟเวอร์จำนวน 37 เครื่อง สั่งปิดเซิร์ฟเวอร์น่าสงสัยราว 221 เซิร์ฟเวอร์ และบล็อกโดเมนเข้าข่ายเสี่ยงอันตรายอีก 8 แสนโดเมน รวมถึงกำลังดำเนินการตรวจค้นแหล่งกบดานของสมาชิกดูแลเครือข่ายอีก 39 แห่ง
นอกจากนี้ ยูโรโพลยังตรวจพบ แฮ็กเกอร์ใหญ่ที่ควบคุมเครือข่ายแล้ว 16 ราย หลังจับกุมตัวผู้ดูแลจัดการเครือข่ายแล้ว 5 ราย ซึ่งรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า 2 รายถูกจับกุมในยูเครนและกรุงเบอร์ลิน
ทั้งนี้ การบุกทลายเครือข่ายอวาแลนช์เกิดขึ้นหลังเหตุโจมตีทางไซเบอร์ในเยอรมนีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งแฮ็กเกอร์ส่งมัลแวร์เจาะระบบเราเตอร์ของบริษัทโทรคมนาคมดอยช์ เทเลคอม ส่งผลให้ลูกค้าของบริษัทราว 9 แสนคน ไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ โดยยูโรโพล เริ่มสืบสวนเครือข่ายดังกล่าวในปี 2012 หลังพบความผิดปกติในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งบล็อกไม่ให้ผู้ใช้เข้าใช้งานระบบในเยอรมนี
แถลงการณ์ระบุว่า อวาแลนช์เป็นแพลตฟอร์มที่แฮ็กเกอร์ใช้กระจายมัลแวร์ไปเข้าไปในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตต่างๆ เพื่อขโมยข้อมูลบัญชีและรหัสผ่านบริการธนาคาร ซึ่งส่งอีเมลมัลแวร์ไปให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า 1 ล้านอีเมล/สัปดาห์ทั่วโลก โดยในขณะนี้มีคอมพิวเตอร์ ติดมัลแวร์ทั่วโลกราว 5 แสนเครื่อง นอกจากนี้ ยังพบการโจมตีด้วยการเพิ่มทราฟฟิก (ดีดอส หรือ DDoS) จนทำให้หลายเว็บไซต์ทำงานขัดข้องในบางพื้นที่ โดยพบผู้ใช้งานถูกอวาแลนช์โจมตีแล้วในกว่า 180 ประเทศ
เอเอฟพีรายงานว่า อวาแลนช์ทำให้บริษัทหลายแห่งในยุโรปได้รับความเสียหายหลายร้อยล้านยูโร โดยในเยอรมนีเพียงแห่งเดียวที่พบการโจมตีของเครือข่ายดังกล่าวครั้งแรก มีรายงานความเสียหายถึง 6 ล้านยูโร (ราว 228 ล้านบาท)
ด้าน เฟอร์นานโด รุยซ์ หัวหน้าศูนย์อาชญากรรมไซเบอร์ของยูโรโพล เปิดเผยว่า เครือข่ายอวาแลนช์มีรูปแบบการทำงานเหมือนบริษัท และมีเครือข่ายสาขาอีกมากมายเพื่อก่ออาชญากรรมไซเบอร์หลายรูปแบบ