อ้างเป็นกวางผู้ประกาศดัง แชทเรียกที่รัก หลอกอดีตผู้ว่ากปน.สูญ20ล้าน

มิจฉาชีพ ปลอมเฟซบุ๊ค อ้างเป็นผู้ประกาศข่าวสาวคนดัง ทำทีจีบอดีตผู้ว่า กปน.ก่อนหลอกลงทุนเทรดคริปโตฯสูญเกือบ 20 ล้าน

วันที่ 28 สิงหาคม 66 ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อาคารบี น.ส.อรการ จิวะเกียรติ ผู้ประกาศข่าว รายการ Morning Nation ช่อง เนชั่นทีวี 22 พร้อม น.ส.ชิดชนก ลำใย ทนายความ และนายธนศักดิ์ อดีตผู้ว่าการการประปานครหลวง ผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เพื่อแจ้งความดำเนินคดีหลังมีมิจฉาชีพหลอกให้ลงทุนคริปโต สูญเงินไปเกือบ 20 ล้านบาท

นายธนศักดิ์ ผู้เสียหายเปิดเผยว่า เมื่อช่วงต้นเดือน มิถุนายน ได้มีเฟซบุ๊คของน.ส.อรการ จิวะเกียรติ ผู้ประกาศข่าว รายการ Morning Nation ช่อง เนชั่นทีวี 22 ทักเข้ามาพูดคุยทำความรู้จักด้วย ซึ่งตนรู้สึกว่าคุยถูกคอ และทางเฟซฯดังกล่าว ก็ชักชวนให้คุยต่อกันทางแอฟพลิเคชันไลน์ ต่อได้มีการคุยต่อกันทางไลน์ ลักษณะการคุยก็เป็นลักษณะเชิงชู้สาว ทางคนร้ายพูดคุยในลักษณะจีบตนก่อน หลังจากนั้นคนร้ายเริ่มชักชวนในลงทุนเทรดคริปโตฯ ซึ่งในครั้งแรกตนเทรดไป 2 หมื่นบาท ได้กำไรมา 4,000 บาท จึงหลงเชื่อ และลงทุนเรื่อยๆ

และในระหว่างที่มีการคุยผ่านทางไลน์ เฟซบุ๊คของผู้ก่อเหตุที่ปลอมเป็นผู้ประกาศ ก็มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา มีการโพสต์ไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่มีความคล้ายคลึงกับชีวติของคุณกวางจริงๆ ช่วงเวลาที่คนร้ายทักมาคุยกับตน ก็จะเป็นช่วงเวลาที่สอดคล้องกับเวลาเลิกอ่านข่าวของคุณกวาง มีการวีดีโอคอลหากันก็จริง แต่ไม่ได้เป็นภาพเคลื่อนไหว แต่เป็นภาพนิ่งของคุณกวาง แต่ก็ทำให้ตนยิ่งหลงเชื่อเพราะกล้าที่จะพูดคุยกัน

ในระหว่างที่มีการลงทุนคนร้ายจะอ้างว่า เดี๋ยวจะร่วมลงทุนด้วยจำนวน 3.4 ล้านบาท นอกจากนี้ พอถึงช่วงเทศกาล ก็จะบอกว่าเดี๋ยวเอาผลกำไรที่เทรดเหรียญได้ ไปเที่ยวต่างประเทศ และไปทำบุญร่วมกัน นอกจากนี้มีการนัดเจอกันด้วย แต่พอถึงเวลาคนร้ายก็อ้างว่า เพื่อนประสบอุบัติเหตุ กำลังไปรอเยี่ยม พร้อมนำรูปของคุณกวางส่งมาให้เพื่อเป็นการยืนยันด้วย

แต่ก็มีจุดสังเกตุผิดปกติตรงที่ เวลาตนเทรดเองจะขาดทุน แต่ถ้าเทรดตามที่เขาบอก มักจะได้กำไรมากกว่า ช่วงหลังๆ ที่ตนลงทุนไปเยอะ จึงให้คนร้ายถอนเงินออกมาบ้าง แต่กลับพบว่าไม่สามารถนำเงินออกจากระบบได้ จึงคิดได้ว่าตนเองอาจจะโดนหลอกก็ได้จากพฤติการณ์ทั้งหมดนี้ ที่ตนหลงเชื่อ ทำให้สูญเงินเกือบ 20 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คนร้ายคุยในลักษณะชู้สาวนั้นคุยประมาณไหน ผู้สียหายเผยว่า คนร้ายพยายามพูดจีบ และจะเรียกตนเองว่า "พี่" หรือบางครั้งก็พยายามจะเรียกตนว่า "ที่รัก"

ทางด้าน น.ส.อรการ จิวะเกียรติ ผู้ประกาศข่าว รายการ Morning Nation ช่อง เนชั่นทีวี 22 ซึ่งในคดีนี้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย เพราะถูกนำภาพและไลฟ์สไตล์ไปปลอม และหลอกผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองไม่รู้เลย จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตนไปเที่ยวที่ประเทศอิตตาลี ได้รับการประสานจากทางทีมงานว่า มีคนร้ายปลอมเฟซบุ๊ก และไปหลอกผู้เสียหายสูญเงินหลายสิบล้านบาท ตอนนั้นตกใจมาก จึงได้ประสานทีมงาน และร่วมหารือกัน สุดท้ายลงความเห็นว่าจะแจ้งความกับผู้ก่อเหตุ

ทั้งนี้ ตนยืนยันตรงนี้เลยว่าตนไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กแล้ว หากมีเฟซบุ๊กที่แอบอ้างชื่อตนทักไป อย่าหลงเชื่อ และหากใครเสียหายให้ดำเนินการแจ้งความทันที

"สงสารผู้เสียหายมาก เพราะเคยอ่านข่าวในลักษณะนี้มาหลายครั้ง ไม่คิดว่าวันนี้จะมีผู้เสียหาย จากการที่เอาโปรไฟล์ของเราไปหลอก และเราก็ตกเป็นผู้เสียหายเองเสียด้วย จึงอยากจะฝากไปถึงนักลงทุน ที่คิดจะลงทุนทางด้านนี้ ตามคำที่เราเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่า ‘การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาก่อนการลงทุน' ซึ่งผู้ลงทุนต้องตรวจสอบก่อน ไม่ว่าจะเป็นใบจดทะเบียนของบริษัท และความน่าเชื่อถือในแวดวงที่ตนเองจะลงทุนด้วย และหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเงิน อยากให้ทุกคนเอ๊ะไว้มากๆ อย่าหลงไว้ใจ หรือเชื่อใจใครง่ายๆ"

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เปิดเผยว่า ลักษณะกลลวงของผู้เสียหายในเคสนี้ คือการหลอกลวงแบบ ‘ไฮบริด สแกม ‘คือการพูดคุยติดต่อผ่านทางช่องทางออนไลน์ จากนั้นจะหลอกล่อให้รัก และเชื่อใจ ก่อจะหลอกให้ลงทุน ซึ่งในเคสผู้เสียหายรายนี้ มีการโอนเงินออกไปกว่า 10 บัญชี จำนวน 33 ครั้ง เป็นเงินเกือบ 20 ล้านบาท ตอนนี้ได้ให้ตำรวจ สอท.1 ประสานงานไปยังธนาคารที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการอายัดปัญชีที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบเส้นทางการเงินว่ามีคงามเชื่อมโยงกันอย่างไร ร่วมไปถึงตรวจสอบยึดอายัดเงินที่มีการค้างในบัญชีม้า ในสายบัญชีที่เกี่ยวข้องด้วย

ทั้งนี้ ไม่ยืนยันว่าจะได้เงินคืนเท่าไหร่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำให้ดีที่สุด และอยากฝากเตือนไปยังนักลงทุน ให้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือก่อนลงทุนไม่ว่าจะเป็นเอกสารหารจดทะเบียนบริษัท เอกสารจาก กลต. ทั้งนี้ในปัจจุบัน สถิติ มีการหลอกผ่านทางเฟซบุ๊กเยอะที่สุด หากใครที่พูดคุยการลงทุนผ่านแอฟพลิเคชั่นนี้ หรือหรืออื่นๆ ก็ต้องดูเครื่องหมายติ๊กถูกด้านขวา มือ จำนวนผู้ติดตาม และการคอมเม้นต้องมีหลายๆคน จึงจะดูว่ามีการปฏิสัมพันธ์ ซึ่งทาง ผบ.ตร.ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ตามสโลแกนที่ว่า ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน นอกจากนี้จะพบได้ว่าแก๊งเหล่านี้จะแฝงตัวอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากการเตือนประชาชน ขอความร่วมมือจากธนาคาร ตอนนี้เสาสัญญาณที่อยู่ตามตะเข็บชายแดนว่าสามารถจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง

เครดิตแหล่งข้อมูล : FB สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว