เพราะอะไรใส่ Apple Vision Pro เวียนหัวน้อยกว่าแว่น VR อื่นๆ
หน้าแรกTeeNee ไอที เทคโนโลยี ไอทีน่ารู้ต่าง ๆ เพราะอะไรใส่ Apple Vision Pro เวียนหัวน้อยกว่าแว่น VR อื่นๆ
หลังจากการเปิดตัวแว่นตา Apple Vision Pro ในงาน WWDC 2023 เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาล่าสุดมีผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเปิดเผยเพราะอะไรใส่ Apple Vision Pro แล้วไม่เวียนหัว
เดวิด รีด (David Reid) ศาสตราจารย์ด้าน AI และ Spatial Computing จากมหาวิทยาลัย Liverpool Hope ได้ออกมาเปิดเผยสาเหตุใส่ Apple Vision Pro แล้วไม่เวียนหัวกับทาง BBC ว่า ผมได้ทดลองเล่นแว่นตา VR มาหลากหลายรุ่นในท้องตลาด และตัวล่าสุด HoloLens 2 ผลทดลองใส่ทั้งหมดมีอาการเวียนหัวทั้งสิ้น
ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงหลังจากได้เข้าร่วมทดลองใส่ Apple Vision Pro แล้วไม่เวียนหัวก็คือ การออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อนทำให้ภาพภายในแว่นมีความสมจริง และเป็นธรรมชาติ โดยปัญหาหลัก ๆ ของการใส่แว่น VR คือ อาการเวียนหัวจากจุดศูนย์รวมสายตา และการปรับโฟกัส Vergence accommodation conflict (VAC) เมื่อปัญหาทั้งสองเกิดขึ้นพร้อมกันไม่สามารถปรับโฟกัสระยะทางของวัตถุแบบ 3 มิติได้จะส่งผลให้เกิดความไม่สบายตา และปวดตา
โดยผลพวงของการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อนของ Apple Vision Pro คือ การเลือกใช้จอแสดงผลภาพพาเนลแบบ Micro OLED จำนวนสองจอแยกแต่ละข้างที่มีความละเอียดสูง 23 ล้านพิกเซลมากกว่าจอทีวี และในแต่ละจอมีรีเฟรชเรตสูง 90Hz
อีกทั้งยังมีการใช้ชิปประมวลผลคู่ Apple Silicon M2 และชิปใหม่ล่าสุดอย่าง R1 ที่ทาง Apple ได้อธิบายไว้ว่า ชิปตัวนี้จะประมวลผลอินพุตภาพจากกล้องหน้าแว่น, เซนเซอร์ และไมโครโฟน ที่ช่วยสตรีมภาพไปยังหน้าจอภายใน 12 มิลลิวินาทีเพื่อการมองเห็นภาพภายนอกแบบเรียลไทม์
เดวิด รีด (David Reid) ศาสตราจารย์ด้าน AI และ Spatial Computing จากมหาวิทยาลัย Liverpool Hope ได้ออกมาเปิดเผยสาเหตุใส่ Apple Vision Pro แล้วไม่เวียนหัวกับทาง BBC ว่า ผมได้ทดลองเล่นแว่นตา VR มาหลากหลายรุ่นในท้องตลาด และตัวล่าสุด HoloLens 2 ผลทดลองใส่ทั้งหมดมีอาการเวียนหัวทั้งสิ้น
ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงหลังจากได้เข้าร่วมทดลองใส่ Apple Vision Pro แล้วไม่เวียนหัวก็คือ การออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อนทำให้ภาพภายในแว่นมีความสมจริง และเป็นธรรมชาติ โดยปัญหาหลัก ๆ ของการใส่แว่น VR คือ อาการเวียนหัวจากจุดศูนย์รวมสายตา และการปรับโฟกัส Vergence accommodation conflict (VAC) เมื่อปัญหาทั้งสองเกิดขึ้นพร้อมกันไม่สามารถปรับโฟกัสระยะทางของวัตถุแบบ 3 มิติได้จะส่งผลให้เกิดความไม่สบายตา และปวดตา
โดยผลพวงของการออกแบบฮาร์ดแวร์ที่ซับซ้อนของ Apple Vision Pro คือ การเลือกใช้จอแสดงผลภาพพาเนลแบบ Micro OLED จำนวนสองจอแยกแต่ละข้างที่มีความละเอียดสูง 23 ล้านพิกเซลมากกว่าจอทีวี และในแต่ละจอมีรีเฟรชเรตสูง 90Hz
อีกทั้งยังมีการใช้ชิปประมวลผลคู่ Apple Silicon M2 และชิปใหม่ล่าสุดอย่าง R1 ที่ทาง Apple ได้อธิบายไว้ว่า ชิปตัวนี้จะประมวลผลอินพุตภาพจากกล้องหน้าแว่น, เซนเซอร์ และไมโครโฟน ที่ช่วยสตรีมภาพไปยังหน้าจอภายใน 12 มิลลิวินาทีเพื่อการมองเห็นภาพภายนอกแบบเรียลไทม์
เครดิตแหล่งข้อมูล : beartai
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!