ทำไมต้อง โดรน? ของเล่นใหม่อากาศยานไร้คนขับฮิตหนัก บุกตลาดไทย

ก ก ก

ได้รับความนิยมแพร่หลายขึ้นมาก จนภาครัฐเตรียมออกมาตรการควบคุม สำหรับเครื่องบินติดกล้อง หรือ "โดรน" (Drone) หรือชื่อเป็นทางการว่า อากาศยานไร้คนขับ เพราะใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ แต่ที่เห็นกันบ่อยก็น่าจะเป็นภารกิจในการถ่ายภาพมุมสูงในกิจกรรมต่าง ๆ 

"ชนินทร์ มโนชญากร" ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท แฟนธอม (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่าย "โดรน" (Drone) แบรนด์ดีเจไอ (dji) กล่าวว่าปัจจุบันโดรนเป็นที่นิยมอย่างมาก และมีการนำมาใช้ประโยชน์อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร, การกู้ภัย, การสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ, การสร้างอสังหาริมทรัพย์ โดยปีที่ผ่านมาตลาดทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 25,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 30-40% พร้อมกับระบุว่า แบรนด์ดีเจไอ (dji) เป็นผู้ผลิตโดรนรายใหญ่ของโลกที่มีส่วนแบ่งตลาดถึง 70% 

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในประเทศไทยยังไม่สูงมากนัก มีเข้ามาทำตลาดแล้วประมาณ 3 แบรนด์ แต่ละแบรนด์มีผู้นำเข้า 2-3 ราย คาดว่าปีที่ผ่านมา ตลาดรวมมีมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท โดยแบรนด์ "ดีเจไอ" มีส่วนแบ่ง 60% คาดว่าในปีนี้ ตลาดรวมจะโตขึ้น 25% เป็น 400 ล้านบาท 

"เรานำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าของดีเจไอยี่ห้อเดียว ปีที่ผ่านมา มีรายได้ 200 ล้านบาท จากปี 2557 ทำได้ 100 ล้านบาท หากคิดเฉพาะแบรนด์ดีเจไอเรามีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 80% ลูกค้ามีทั้งนักท่องเที่ยว 30%, สื่อ 20%, ผู้ใช้ระดับโปรเฟสชั่นนอล 10% ที่เหลือเป็นผู้ใช้ทั่วไปในกลุ่มที่ชอบถ่ายภาพ และชอบเล่นเครื่องบินบังคับ โดย 80-90% เป็นผู้ชาย อายุ 30 ปีขึ้นไป"

บริษัทนำเข้าผลิตภัณฑ์ของ "ดีเจไอ" ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น Phantom series, Inspire 1, OSMO และ Ronin & Ronin M รวมถึงอุปกรณ์เสริมในตระกูล phantom ราคาเฉลี่ยที่ 30,000 บาท ซึ่งในปีนี้จะขยายฐานลูกค้าไปยังหน่วยงานภาครัฐมากขึ้น เช่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร, การสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ และสัตว์ป่าเพื่อการอนุรักษ์ รวมถึงการใช้เพื่อความปลอดภัยสาธารณะ 

"ในไทยยังใช้โดรนไปกับงานอดิเรกและการท่องเที่ยวมากกว่า หากจะมีการนำมาใช้ด้านอื่น ๆ คงขึ้นอยู่กับภาครัฐว่าจะตื่นตัวแค่ไหน ตนมองว่า ข้อกฎหมายที่ภาครัฐจะออกมาเกี่ยวกับโดรนไม่ใช่อุปสรรคในการขยายตลาด กฎระเบียบจะช่วยควบคุมไม่ให้ใช้กันอิสระเกินไป และสร้างความปลอดภัยให้สังคมมากขึ้น"

และในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 250 ล้านบาท และจะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 60% ซึ่งคาดว่าความนิยมในการใช้โดรนจะทำให้ได้ตามเป้า

ผู้บริหารแฟนธอมกล่าวว่า ภายในไตรมาส 2 จะนำโดรนรุ่นใหม่ phantom 4 เข้ามาทำตลาด ซึ่งพัฒนาต่อมาจากรุ่น phantom 3 ควบคุมระยะการบินได้ไกล5 เมตร และบินต่อเนื่องได้นาน 28 นาที นานที่สุดในผลิตภัณฑ์กลุ่มเดียวกัน มีโหมดการบินที่หลากหลาย เพิ่มเซ็นเซอร์เป็น 4 ตัว เพื่อให้หยุดหรือหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ มาพร้อมกล้องบันทึกวิดีโอ 4K 30 เฟรมต่อวินาที และถ่ายวิดีโอ ฟูลเอชดี 120 เฟรมต่อวินาทีได้ กล้องถ่ายภาพนิ่ง 12 ล้านพิกเซล และมีอุปกรณ์ป้องกันการสั่นไหวของภาพแบบ 3 แกน ราคา 64,400 บาท

ขอขอบคุณ แฟนเพจเฟซบุ๊ค ประชาชาติธุรกิจออนไลน์